กิน ผักเพื่อสุขภาพ แล้วดี เพราะผักมีประโยชน์ แต่นอกจากประโยชน์ในด้านสารอาหารแล้ว รู้ไหมคะว่าผักบางชนิดยังมีสรรพคุณรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยของเราได้อีกด้วย ใครที่ป่วยแล้วอยากให้อาการป่วยหายไว ๆ ลองกินผักเหล่านี้เข้าไปช่วยก็ได้ ลองมาดูว่าผักรักษาโรค มีผักอะไรบ้าง
ผักเพื่อสุขภาพ ขี้เหล็ก : แก้ท้องผูก นอนไม่หลับ
ผักเพื่อสุขภาพ ขี้เหล็กขมแต่สรรพคุณล้นนะจะบอกให้ อาการท้องผูกเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานขี้เหล็ก ใบขี้เหล็กมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และเนื่องจากใบขี้เหล็กมีไฟเบอร์มาก . อีกวิธีหนึ่งคือต้มใบขี้เหล็ก 3-4 ใบในน้ำครึ่งแก้วแล้วใส่เกลือเล็กน้อย แล้วดื่มวันละครั้งหลังตื่นนอนหรือหลังอาหารเช้า
สรรพคุณของใบขี้เหล็กอีกอย่างคือช่วยเรื่องอาการนอนไม่หลับจากการวิจัยของกรมพัฒนาการแพทย์ทางเลือกแผนโบราณแห่งประเทศไทยพบว่าใบอ่อนและดอกอ่อนของขี้เหล็กมีสารที่ช่วยคลายเครียดและยังใช้เป็นยานอนหลับอ่อนๆได้อีกด้วยแต่ใคร อยากกินขี้เหล็กแก้นอนไม่หลับ ใบขี้เหล็ก ในแกงขี้เหล็กส่วนใหญ่จะต้มในน้ำก่อนเพื่อลดความขมอาจเจือจางยากล่อมประสาทมากเกินไป ดังนั้นการจะแก้อาการนอนไม่หลับจึงควรนำใบขี้เหล็กมาต้มดื่ม
มะระขี้นก : รักษาเบาหวาน
กลุ่มวิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ศึกษาผลของมะระขี้นกในการรักษาโรคเบาหวาน โดยศึกษากลไกการออกฤทธิ์และประสิทธิภาพทางคลินิกของมะระขี้นก และพบว่า ในมะระขี้นกมีกลไกที่ออกฤทธิ์ต้านเบาหวานอยู่หลายทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน เพิ่มความไวต่อการตอบสนองอินซูลินที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไขมัน ลดการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เสริมการเผาผลาญน้ำตาล เพิ่มความทนต่อกลูโคส นอกจากนี้ยังยับยั้งการหลั่งกลูโคสในลำไส้เล็กและยับยั้งเอนไซม์กลูโคซิเดสได้อีกด้วย
แต่ทั้งนี้ก็ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณการใช้และระยะเวลาในการใช้มะระขี้นกต่อไปในอนาคต เพื่อที่จะสามารถใช้มะระขี้นกกับผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยอย่างที่สุด
ตำลึง : ลดน้ำตาลในเลือด
จากข้อมูลสมุนไพร ภาควิชาเภสัชกรรม ม.มหิดล การศึกษาทางคลินิกพบว่าอาสาสมัครสุขภาพดีที่รับประทานตำลึง 20 กรัมเป็นเครื่องเคียงผสมมะพร้าวและเกลือเป็นอาหารเช้าทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดของอาสาสมัครกลุ่มนี้ลดลงเมื่อเทียบกับ กลุ่มอาสาสมัครที่รับประทานอาหารเช้าโดยไม่กินน้ำเต้า และจากการทดลองนี้ ตำลึง มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด
การรับประทานมะระช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ใช้เถาตำลึงประมาณครึ่งถ้วยตวง ต้มกับน้ำหรือนำน้ำจากผลตำลึงดิบดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
ผักเชียงดา : ลดน้ำตาลในเลือด
หลายคนอาจรู้จักผักชนิดนี้ในชื่อว่าผักฆ่าน้ำตาล และคงรู้สรรพคุณผักเชียงดากันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก เราบอกกันตรงนี้เลยค่ะว่าผักเชียงดามีสารสำคัญที่ชื่อว่า Gymnemic Acid ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ส่งผลให้การดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็กช้าลง ทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินได้อีกต่างหาก ใครอยากรู้จักผักเชียงดาให้มากกว่านี้ก็ลองมาดู
หัวไชเท้า : ลดอาการอักเสบ
หัวไชเท้าเป็นผักที่เราเจอได้บ่อยในน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว หรือในต้มจืด น้ำซุปข้าวมันไก่ เป็นต้น ซึ่งก็ถือว่าหัวไชเท้าเป็นผักที่หากินง่าย มีรสชาติหวาน อร่อย และยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการอักเสบในร่างกายได้ด้วยนะคะ โดยจากการวิจัย พบว่า น้ำคั้นจากหัวไชเท้าหรือการกินหัวไชเท้ามีส่วนช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ แถมยังช่วยแก้ปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬาได้ด้วย
หัวปลี : บำรุงเลือด ขับน้ำนม
สำหรับคุณแม่ที่ให้นมลูกแล้วไม่มีน้ำนมออกมา น้ำนมด้านล่าง เพื่อแก้ปัญหานี้ให้ลองรับประทานหัวปลี ทั้งนี้เพราะหัวปลีมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด หัวปลียังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า เมทานอล และจากการศึกษาในปี 2010 ในวารสารวิทยาศาสตร์การอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระในสารสกัดจากหัวปลีช่วยป้องกันการทำลายเซลล์ได้แสดงว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติ ดังนั้นจึงช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกาย
หน่อไม้ฝรั่ง : แก้ท้องอืด
ผู้ที่มีอาการท้องอืด มีกรดในกระเพาะ มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ลองกินหน่อไม้ฝรั่งเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่ตามมา เพราะหน่อไม้ฝรั่งมีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการย่อยอาหาร และหน่อไม้ฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรต ฟรุกโตโอลิโก แซ็กคาไรด์ มีส่วนช่วยเพิ่มแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ลดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยไม่ต้องทานยา นอกจากนี้หน่อไม้ฝรั่งยังมีสรรพคุณที่น่าสนใจอีกมากมาย
ผักบุ้ง : บำรุงดวงตา
ถ้าอยากให้สายตาดีขึ้นให้กินผักบุ้ง ทั้งนี้เพราะผักบุ้งอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน เบต้าแคโรทีนที่มีอยู่ในผักบุ้งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย จากนั้นวิตามินเอจะช่วยบำรุงสายตา ตาแห้ง รักษาอาการตาเหนื่อยล้า บรรเทาอาการตาแห้ง ตาแดง และยังไม่จบเพียงเท่านี้ ผักบุ้งมีหลายลักษณะเรามาดูกันค่ะ
ผักปวยเล้ง : รักษาอาการเลือดออก
ผักโปรดอย่างผักโขมมีสรรพคุณดีกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะในการรักษาโรคตา เนื่องจากผักปวยเล้งที่เป็นโรคตาบอดกลางคืนมีปริมาณเบต้าแคโรทีนค่อนข้างสูง บำรุงและช่วยรักษาอาการเสื่อมของดวงตา นอกจากนี้ยังรักษาโรคโลหิตจาง รักษาอาการเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ เช่น เลือดกำเดาไหล
กระเจี๊ยบเขียว : รักษาโรคกระเพาะ
สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ มีแผลในกระเพาะอาหาร กระเจี๊ยบเขียวช่วยบรรเทาอาการได้ การศึกษานั้นพบว่ากระเจี๊ยบเขียวมีสารประกอบไกลโคซิล ไกลโคโปรตีนที่ยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร (Helicobacter pylori) ทำให้แบคทีเรียชนิดนี้เกาะติดกับเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ยากขึ้น บรรเทาอาการของแผลในกระเพาะอาหาร
พูดถึงวิธีกินกระเจี๊ยบ ใครกินเป็นผักเคียงกับพริกบ้าง? หรือนำกระเจี๊ยบเขียวมาหั่นเป็นแก้วตากแดดให้แห้งแล้วบด มันขึ้นอยู่กับคุณ