ผลไม้สีแดง 9 อย่าง เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้อาหารแต่ละอย่างน่ารับประทาน แต่สีผสมอาหารไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ก็ยังแฝงคุณประโยชน์ที่ธรรมชาติสร้างมาให้อยู่ดี ตัวอย่างเช่น อาหารสีแดงไม่เพียงแต่ดูสดใสเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้ที่อดใจรอชิมอาหารสีแดงไม่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ในเชิงบวกที่ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
คุณเริ่มที่จะสนใจ? วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอตัวอย่างอาหารสีแดงที่อุดมด้วยสารอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี หากคุณเป็นคนรักสุขภาพ คุณจะต้องชอบอาหารสีแดงเหล่านี้อย่างแน่นอน ไปดูกันเลย!
ก่อนรู้จักอาหารแดง. มาดูกันว่าสีแดงของอาหารเกิดขึ้นได้อย่างไร ผักและผลไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง เกิดจากไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการสลายสารพันธุกรรมและโปรตีนในร่างกาย ไลโคปีนสามารถจับกับเส้นใยได้ดี จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อถูกปลดปล่อยออกจากเส้นใยด้วยความร้อน ที่ละลายในไขมัน ทั้งยังปกป้องผิวจากรังสี UV ได้ดีกว่าเบต้าแคโรทีน นอกจากนี้ยังลดปริมาณคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในเลือด
มีรายงานวิจัยในต่างประเทศด้วยว่าคนกินมะเขือเทศ ไลโคพีนสูงยังช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากไลโคปีนแล้ว อาหารสีแดงบางชนิดยังมีสารแอนโทไซยานินอีกด้วย (anthocyanins) ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี รวมถึงเพิ่มความสามารถในการมองเห็นและช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตา
เชอร์รี
ถ้าพูดถึงผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ๆ จะไม่พูดถึงเชอร์รีก็คงจะไม่ได้ เพราะนอกจากจะมีสารแอนโทไซยานินซึ่งทางการแพทย์เชื่อว่าสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและการอักเสบได้แล้ว ก็ยังช่วยรักษาโรคได้อีกมากมายมหาศาล อาทิ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคเก๊าต์ นอกจากนี้ เชอร์รียังมีไฟเบอร์ โพแทสเซียม และวิตามินเอสูง ใครชอบผลไม้เชอร์รีเป็นตัวเลือกที่ห้ามมองข้ามเลยเด็ดขาด
สตรอว์เบอร์รี
ผลไม้ผลสีแดง ๆ ที่หลาย ๆ คนชื่นชอบอย่างสตรอว์เบอร์รี นอกจากจะมีสารแอนโทไซยานินที่ดีต่อร่างกายแล้ว ก็ยังมีวิตามินซีและแมงกานีสสูง แถมยังมีไฟเบอร์ ไอโดดีน และโพแทสเซียม โฟเลต วิตามินเค อีกด้วย ซึ่งเหล่านี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง รวมทั้งชะลอการริ้วรอยแห่งวัยได้ ที่สำคัญ ยังเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ ใครที่กำลังควบคุมก็สามารถทานได้เลยไม่ต้องกลัวอ้วนค่ะ
แอปเปิล
แอปเปิ้ลเป็นหนึ่งในผลไม้ยอดนิยมสำหรับการควบคุมน้ำหนัก มีไฟเบอร์สูงจึงช่วยให้รู้สึกอิ่มเมื่อรับประทาน อีกทั้งยังมีโพแทสเซียม วิตามินบี และวิตามินซี วิตามินซีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงและดูแลหลอดเลือดหัวใจ ยังช่วยดูแลระบบย่อยอาหารไม่ให้ท้องผูกอีกด้วย
ทับทิม
ทับทิมถือเป็นผลไม้สีแดงอีกชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก มีการศึกษาหนึ่งพบว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดการก่อตัวของคราบพลัคในหลอดเลือดแดงและลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่เปิดเผยว่าน้ำทับทิมสามารถช่วยจัดการกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเบาหวาน โรคไขข้อ และภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้
มะเขือเทศ
นอกจากไลโคปีนแล้ว มะเขือเทศสีแดงยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินเอ โพแทสเซียม และไฟเบอร์ในปริมาณสูงล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยช่วยต่อต้านมะเร็งรวมถึงโรคหัวใจมีประโยชน์มากมาย ใครที่เกลียดมะเขือเทศบอกเลยว่าต้องเปลี่ยนใจทันที ถ้าไม่อยากพลาดของดีต้องรีบหามะเขือเทศมาทานด่วนๆ
พริกหวาน
พริกหยวก ผักหลากสีนี้ สีอะไรก็อร่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีแดงมีไลโคปีนซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายได้ถึง 35% และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดโอกาสของการเกิดคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือด เพียงแค่ปรุงพริกในน้ำมันมะกอก ร่างกายจะดูดซึมไลโคปีนได้มากขึ้น
แตงโม
หากพูดถึงอาหารสีแดงแล้วละก็ แตงโม จะมองข้ามไม่ได้เลย เนื่องจากแตงโมเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินซี และโพแทสเซียมมากมาย ในการศึกษานี้พบว่าแตงโมเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์แทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อ เมล็ด หรือเปลือก น้ำแตงโม ใช่ค่ะ ประโยชน์ของน้ำแตงโมช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรงและบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสตลอดเวลา นอกจากนี้ ไลโคปีนยังมีประโยชน์ที่ช่วยป้องกันและต่อต้านเซลล์มะเร็งอีกด้วย ที่สำคัญแตงโมยังเป็นผลไม้ที่ช่วยคลายร้อนและดับกระหายได้อีกด้วย
กระเจี๊ยบแดง
กระเจี๊ยบเขียวเป็นยาขับปัสสาวะและลดความดันโลหิต กระเจี๊ยบสดมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากระเจี๊ยบแห้ง ในการศึกษาหนึ่งในหนู หนูที่ได้รับน้ำกระเจี๊ยบทั้งสดและแห้งมีเปอร์เซ็นต์การทำงานของเอนไซม์ล้างพิษตับสูงกว่าหนูที่ไม่ได้ให้น้ำกระเจี๊ยบ และพบว่าหนูที่ไม่กินกระเจี๊ยบมีระดับเซลล์มะเร็งในลำไส้ใหญ่ต่ำกว่าหนูที่ไม่กินกระเจี๊ยบเขียว
ไวน์แดง
ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไวน์แดง เรามักจะได้ยินว่าไวน์แดงดีต่อสุขภาพของคุณ นั่นเป็นเพราะไวน์แดงมีสารเรสเวอราทรอลซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ต่อสู้กับอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ผู้ชายไม่ควรดื่มเกินวันละ 300 มล. เพราะอาจให้โทษของแอลกอฮอล์แทนที่จะให้ประโยชน์ค่ะ และผู้หญิงไม่ควรเกิน 150ml. ต่อวัน